บทที่ 8 7
ชายหนุ่มดึงสะโพกของอารยาเข้าไปเพื่อรับการปะทะอย่างหนักหน่วง กลางกลีบผกาไล่ไปจนถึงต้นขาด้านในร้าวระบมด้วยแรงกระแทกตอนที่เขาดันกายเข้ามาจนสุดทาง ช่องเนื้อนุ่มของอารยาคับแน่นเหลือเกิน เธอบีบรัดเขาจนสบถออกมาแทบไม่เป็นภาษา
เพราะห่างหายจากเธอนานเหลือเกินเขาเลยแทบคลั่ง ร่างกายเกร็งสะท้านใบหน้าของเขาแหงนหงายมองเพดานขณะสอดประสานร่างกายอย่างหนักหน่วงก่อนจะฉีดพุ่งเข้าใส่เนื้อนุ่มที่รัดรึงเขาอย่างรุ่มร้อน เป็นการถึงจุด
สุดยอดที่ยอดเยี่ยมกว่าครั้งไหน ๆ ในชีวิตของปราปต์
“อ้อนอยากกินปราปต์”
ร่างเล็กโผเข้าขึ้นมากอดรอบคอเขา อยากครอบครองเขาจนแทบสิ้นสติ ความบ้าคลั่งโจมตีเล่นงานจนความเป็นหญิงตอดรัดท่อนเอ็นบวมแกร่ง สองขาเกี่ยวกระหวัดสะโพกสอบโดยใช้สองเท้าไขว้ไว้ข้างหลังเขา แล้วเริ่มรุกด้วยการขยับกายเข้าออกครอบครองคนตัวใหญ่
“อาห์”
เสียงครางด้วยความทรมานของปราปต์คือทางผ่านสู่ชัยชนะแห่งเพศหญิง
การปลดปล่อยของเขาก่อนหน้านี้ทั้งเลอะเทอะและแฉะชุ่มซึ่งเป็นน้ำหล่อลื่นอย่างดีที่ทำให้อารยาครอบครองเขาได้โดยไม่ยากลำบากเท่าไหร่ เธอรู้ว่าเขากำลังจะทนไม่ไหว มือข้างหนึ่งจึงเลื่อนลงมาบีบหัวนมเขาอย่างเร่งเร้า ปราปต์ครางกระเส่า ยกร่างเล็กขึ้นแล้วถอยไปนั่งที่โซฟา จัดท่าให้อารยานั่งคร่อมอยู่บนหน้าขา
“เร็วเข้า ก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหว”
เขารั้งสะโพกกลมกลึงแล้วดึงเข้ามาเบียดชิด อารยาฉีกขาเพื่อเหยียบยันกับเบาะโซฟา นวลเนื้อนูนงามแยกออกจากกันขณะโอบรอบลำกายแกร่งแข็งเกร็งอย่างเต็มที่
ปราปต์สูดปากอย่างซ่านเสียวเมื่ออารยาเริ่มขยับตัว เธอยกสะโพกขึ้นขึ้นช้า ๆ ราวกับว่าจะทอดทิ้งเขาแล้วก็ทิ้งตัวลงมาอีก ทำแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่าแล้วเพิ่มเร้าความเร็วชนิดทำให้เขาเสียวแทบสิ้นสติ
เนื้อนุ่มนั้นทำราวกับว่าจะสูบแก่นกายของเขาให้ฝังลึกแนบแน่น ความยาวของมันชนกับปลายทาง ความสุขสมพลุ่งพล่านไปทั่วร่างเธอ
มือข้างหนึ่งยกขึ้นมาเคล้าคลึงเต้างามของตัวเอง อีกข้างเกาะแนวบ่าหนาแน่นพร้อมกับควบทะยานม้าแข่งแสนฮึกเหิมตัวนี้อย่างรุนแรงและเร่าร้อน
เธอผลักดันตัวเองเข้าหาความใหญ่โตของเขาอย่างไม่เขินอาย สะโพกกลมกระชับทำงานประสานกับเอวคอดกิ่วได้ยอดเยี่ยมในขณะที่ขยับไปมาอย่างพลิ้วไหว ปราปต์เพิ่งรู้ว่าเสียวไส้ที่แท้จริงเป็นอย่างไรก็ตอนนี้
“อาห์...อ้อน เธอดีเหลือเกิน”
“ปราปต์ใหญ่จริง ๆ อ๊ะ...อู้ว”
“อย่างนั้นแหละ อย่างนั้น ซี๊ด...”
ทั้งสองต่างทรมานเพราะกันและกัน แต่นั่นแหละที่สร้างความสุขสมอย่างที่ไม่เคยได้พบเจอมาก่อน แล้วหญิงสาวก็กรีดร้องลั่นบ้านสมองของเธอ
ว่างเปล่า ทุกอย่างผ่อนคลายหลังการระเบิดอย่าง
พึงพอใจ
ปราปต์ช่วยประคองเธอเอาไว้ก่อนจะขยับกายเป็นฝ่ายกระแทกเธอขึ้นมาจากด้านล่าง หญิงสาวอ่อนแรงซวนซบลงกับลาดไหล่ของปราปต์แต่ก็ยังยกสะโพกรองรับแรงกระแทกของเขา รอเวลาที่ปราปต์ระเบิดโพลงออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“อ่าห์”
เสียงคำรามต่ำพร่าปะทะข้างหู ปราปต์ดันกายเข้ามาหนึ่งครั้ง สองครั้ง แล้วเหยียดขยายก่อนจะกระตุกเกร็งปลดปล่อยเข้ามาในกายเธอ
น้ำรักข้นเหนอะหนะเอ่อล้นออกมาจากนวลเนื้อสาว แต่ทั้งสองกลับไม่รังเกียจกันและกัน ปราปต์กอดรัดร่างบอบบางอย่างแนบแน่น ความหวงแหนเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าทวี
“เก่งนี่นา”
“ก็คนสอนเก่ง” อารยาหัวเราะคิก
คำสรรเสริญเยินยอทำให้ปราปต์รั้งสะโพกของเธอให้ขยับ
“พอก่อน อ้อนแสบ”
“ขอโทษจริง ๆ ที่ฉันใหญ่เกินไป” เขาพูดยิ้ม ๆ
อารยาเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างหมั่นไส้ คิ้วเข้มเลิกขึ้นก่อนที่เขาจะถามว่า
“เธอไม่เคยเจอของใครที่ใหญ่เท่าของฉันหรอก”
“ทั้งชีวิตอ้อนก็มีปราปต์คนเดียวนี่นา” เธอจะไปเจอของใครได้ยังไงล่ะ
“แล้วก็ทำใจไว้ซะตอนนี้เลยว่าฉันจะไม่ปล่อยให้เธอไปมีใครอีก”
อารยาถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
“จะเก็บอ้อนไว้อย่างนี้จริง ๆ หรือ ?”
“ยังไม่รู้” เขาตอบขณะที่คลอเคลียกับพวงแก้มหอม อารยารู้สึกเศร้าแต่ก็หวังว่าเขาจะรู้คำตอบของตัวเองในเร็ววันนี้
“เธอไม่ต้องเร่งรัดฉันเรื่องนี้ได้ไหม ถ้าฉันรู้แล้วจะ
บอกเอง”
“อ้อนไม่อยากเป็นตัวสำรองของใคร”
“ก็บอกให้หยุดคุยเรื่องนี้ไง เดี๋ยวพ่อจะล่อจนฟ้าเหลืองเลยนี่” อารยาหัวเราะคิกคัก เธอก็อยากให้เขาทำจริง ๆ เหมือนกัน
“หัวเราะอะไร อยากโดนจริง ๆ หรือ ? เดี๋ยวก็เป็นไข้เหมือนวันนั้นอีก”
“วันนั้นอ้อนไม่ได้เตรียมตัวต่างหาก”
“เตรียมตัว ?”
คิ้วหนาขมวดมุ่น ผลักไหล่บางออกเพื่อจะได้มองหน้าเธอชัดเจนขึ้น
“เธอไปเตรียมตัวอะไรมา ไปทำกับใคร”
“เปล่า อ้อนก็พูดเล่นเฉย ๆ”
“ไม่เชื่อ”
“เชื่อเถอะน่า อ้อนมีปราปต์คนเดียวจริง ๆ”
เธอโน้มใบหน้าลงไปจูบข้างแก้มเขา ไล่มายังกรามแกร่งแล้ววกลงมาครอบครองริมฝีปากที่แข็งกว่าของเธออยู่มาก
ลิ้นนุ่มนิ่มส่งเข้าไปควานลึกในช่องปากของปราปต์พร้อมกับขยับร่างกายเพราะดอกไม้งามเริ่มตอดรัดแท่งเอ็นหนา อารยาขยับกายพลิ้วไหวจนส่งตัวเองถึงฝั่งฝันอีกครั้งแล้วก็ลุกออกจาก
ตักเขา
“ยายตัวดี !”
ปราปต์เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเพราะคิดว่าอารยาแกล้ง แต่หญิงสาวขยับรูดลงไปนั่งกับพื้นใบหน้าหวานอยู่ใกล้กับ
ความเป็นชายเพียงแค่คืบ
“อ้อนบอกแล้วว่าอ้อนจะกินปราปต์”
มือเรียวเสลากำรวบแท่งเนื้อผ่าวร้อน รูดขึ้นลงเริ่มจากช้าเนิบนาบไปจนถึงรวดเร็วถี่รัว ปราปต์ขยุ้มเบาะโซฟาเพื่อบรรเทาความซาบซ่าน
ริมฝีปากนุ่มนิ่มแตะปลายยอดแผ่วเบาแล้วอ้างับครอบครองส่วนปลายของเขาอย่างเพลิดเพลิน
“อาห์ ให้ตายเถอะ”
อารยาร้ายกาจเหลือเกิน เธอกลืนกินและดูดกลืนเขาอย่างช่ำชอง ตัวตนหนายาวของปราปต์อยู่ในอุ้งปากของเธอแค่ส่วนปลาย
แม่ตัวดีฉีกทึ้งเขาออกเป็นชิ้น ๆ ด้วยการตอดกระพุ้งแก้มเข้าไปจนสุดแล้วใช้ปลายลิ้นวนไล้ปลายยอดชายอย่างรัวเร็ว
ปราปต์ทนไม่ไหวเขาจับรั้งศีรษะของเธอไว้แล้วผลักดันเข้ามาจนสุดลำ หญิงสาวยึดมือกับต้นขาของเขาเอาไว้ กลัวเหลือเกินว่าเธอจะรับเขาไม่ไหว เขาเบียดลึกเข้ามาในลำคอของเธอครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้ เธอโอบรัดปราปต์เอาไว้ได้ลึกที่สุดเท่าที่จะลึกได้จนชายหนุ่มสั่นสะท้าน
ใบหน้าหล่อเหลาแหงนหงายมองเพดาน ความเป็นชายเต้นตุบ ๆ ในลำคอของอารยา น้ำตาของหญิงสาวเอ่อรื้น สองมือบีบเคล้นพวงสวรรค์เบา ๆ
จังหวะนั้นเธอปลดปล่อยเขาออกจากช่องปากแต่สองมือขยับขึ้นมารูดรีดอย่างเร่าร้อน ส่งเขาสู่ปลายทางสุขสมพร้อมกับพิษสงที่ฉีดพ่นออกมาจนเลอะแก้มขาว
นิ้วเรียวปาดไล้มันออกแล้วดื่มกินราวกับเป็นของหวาน ก่อนจะทำความสะอาดตัวตนของปราปต์ด้วยลิ้นนุ่มผ่าวร้อนอย่างหมดจด จูบปลายยอดชายอย่างหยอกเย้าแล้วยืดกายขึ้นไปกระซิบชิดเรียวปากหนา
“อ้อนจะไปทำกับข้าว ปราปต์จะทานข้าวกับอ้อนไหมจะได้ทำเผื่อ”
อารยาแปลกใจตัวเองเหมือนกัน แทนที่จะทวงถามสถานะที่ชัดเจน แต่กลับไม่อยากพูดถึงมันให้เสียบรรยากาศ ความสุขฉาบฉวยทำให้คนเราหลงลืมความเป็นจริงไปได้มากขนาดนี้เชียวหรือ
ปราปต์ยิ้มกว้าง แขนใหญ่โอบรอดลำคอเล็กแล้วมอบจูบเร่าร้อนให้อารยาเป็นรางวัลก่อนจะพูดขึ้นมาว่า
“แน่นอน แต่เธอจะต้องเป็นของหวานให้ฉันนะ โอเค้ ?”
หญิงสาวหัวเราะอย่างสุขใจ เธอไม่มีทางที่จะไม่โอเค เธอชอบเวลาที่ปราปต์ทำเหมือนกับว่าเธอคือของหวาน บางทีก็แอบคิดเหมือนกันว่าเธอชอบเซ็กส์มากเกินไปจนเข้าข่ายโรคจิต
หรือเปล่า
นาทีนั้นเองที่โทรศัพท์มือถือของปราปต์ดังขึ้น ชายหนุ่มผละออกจากร่างกึ่งเปลือยเพื่อค้นมือถือจากกางเกงยีนขึ้นมา เบอร์ที่โชว์หราสร้างความลำบากใจให้ปราปต์เหลือเกิน
แต่เขาคิดว่าเกิดเรื่องแน่นอน เพราะปกติฟ้างามไม่เคยโทรหาเขา
ถ้าไม่กดรับแล้วหากมีเรื่องอะไรขึ้นมาเขาคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต อารยาเห็นสายตาของปราปต์แล้วรู้ทันทีว่าต้องทำตัวอย่างไร
“รับเถอะ”
เจ็บเหลือเกินที่ต้องทำเป็นใจกว้าง แต่ต้องเตือนตัวเองเอาไว้ว่าเธอไม่มีสิทธิ์...เธอเป็นแค่คู่นอนชั่วคราวของปราปต์เท่านั้น
ปราปต์ตัดสินใจรับโทรศัพท์ จนได้รู้ว่าพ่อกำนันของฟ้างามเป็นลมในห้องน้ำ หล่อนต้องการความช่วยเหลือจากเขา ชายหนุ่มเลยรีบแต่งตัวแต่ก่อนจะไปก็ไม่ลืมกำชับอารยาว่า
“ต่อไปนี้ถ้าเธอจะออกไปไหนกับใครต้องรายงานฉันทุกอย่าง ไม่อย่างนั้นฉันจะตามไปปล้ำถึงที่โรงเรียน เข้าใจไหม”
“ปราปต์ไม่ต้องห่วงหรอก อ้อนไม่ใช่ปราปต์”
อดประชดประชันไม่ได้จริง ๆ ตอนนี้อารยาน้อยใจจนแทบจะกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เลยรีบสะบัดหน้าเดินขึ้นห้องไปเสีย ปราปต์ถึงกับอึ้งแต่เขาไม่มีเวลามากพอที่จะเคลียร์ตอนนี้
ฟ้างามต้องการความช่วยเหลือ
พ่อกำนันหกล้มในห้องน้ำแต่โชคดีที่ไม่เป็นอะไรมาก แค่ไหล่ซ้น ฟ้างามขอลางานที่โรงเรียนสามวันเพื่อดูแลพ่อ เนื่องจากที่บ้านไม่มีใคร แม่ก็เสียไปตั้งแต่เล็ก ๆ ส่วนญาติ ๆ ก็ดูแลได้ดีไม่เท่า ด้านปราปต์ก็กลับมานอนที่บ้านอารยาเหมือนเดิมทุกคืน หญิงสาวต้องรายงานเขาว่าทำอะไร ที่ไหน กับใคร ปราปต์คอยคุมเธอยิ่งกว่าพ่อแม่ซะอีก วันไหนถ้ากลับบ้านผิดเวลาแม้แต่นาทีเดียวมักจะเกิดเรื่อง เช่นวันนี้
“ออกไปไหนมา” เสียงเข้ม ๆ ของคนบ้านเดียวกันทำให้อารยาที่เพิ่งเปิดประตูเข้าบ้านถึงกับใจหาย แต่ก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องปิดบังว่าไปไหนมาไหน
“อ้อนไปอบรมในตัวจังหวัดมา ตอนเช้าอ้อนก็บอกปราปต์แล้วนี่นา”
“ตารางอบรมบอกว่าเลิกบ่ายสาม แล้วนี่แหกตาดูเวลาบ้างไหม”
อารยาดูนาฬิกาข้อมือแล้วบอกเขา
“สามทุ่ม”
“นาฬิกาก็ไม่ได้เสีย แต่ทำไมกลับมาป่านนี้”
“อ้อนไปดูหนังกับกายต่อน่ะ แต่ว่าอ้อนไม่ได้โทร. บอกปราปต์เพราะแบตอ้อนหมด มือถือกายก็พัง”
“ไปดูกับไอ้กายหรือว่ากับไอ้ ผอ. กันแน่”
ท่าทางโมโหทำให้เธอรู้ว่าเขาคิดไปไกล
“กับกายจริง ๆ ไม่เชื่อจะไปถามกายถามก็ได้”
“เธออาจจะเตี๊ยมไอ้กายไว้ก่อนแล้วใครจะไปรู้”
อารยาถอนหายใจ ปราปต์ก็เป็นเสียแบบนี้ นอกจากปากร้ายใจดำแล้วยังคิดแต่แง่ร้ายอีก
“อ้อนมีปราปต์คนเดียว”
ไม่เหมือนปราปต์ที่เที่ยวไปมีฟ้างามด้วย ประโยคสุดท้ายอารยาไม่ได้เอ่ยออกมาเพราะคิดว่ามันคงไม่จบง่าย ๆ
“งั้นต้องพิสูจน์” พูดจบก็ปราดเข้าไปจับไหล่บางทั้งสองข้าง บทพิสูจน์ของปราปต์เป็นอะไรที่อารยาคุ้นเคย ใบหน้าสวยเงยขึ้นเพื่อรอรับจุมพิตดูดดื่มเร่าร้อนและเธอก็ตอบสนองเขาดีไม่แพ้กัน ห่างกันไม่ถึงวันความต้องการที่มีต่อกันอัดแน่นจนแทบจะระเบิด
แป๊น ๆ
เสียงแตรรถดังขึ้นที่หน้าบ้านทำให้ทั้งสองผละออกจากกันแล้วมองออกไปด้วยความสงสัย
“ฉันจะไปดูเอง”
“เอ่อ อ้อนเอง”
เธอกลัวคนจะรู้ว่าอยู่บ้านด้วยกัน ไม่อยากตกเป็นขี้ปากของใคร อีกอย่างหากฟ้างามรู้เรื่องนี้ปราปต์เองนั่นแหละที่จะเดือดร้อน
อารยาไม่อยากเชื่อเลยว่าคนที่ยืนหน้ารั้วคือคุณครู
สิทธิเดช
หญิงสาวหันกลับไปมองในบ้านกลัวปราปต์จะตามออกมา แต่เมื่อเห็นว่าไม่มีใครเลยโล่งใจ
“ครูเต้มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ”
“ครูอ้อนลืมแฟ้มไว้ที่ห้องอบรมน่ะครับ”
เขายื่นแฟ้มเอกสารสีฟ้าอ่อนที่อารยาพกติดตัวตลอดผ่านช่องของแผ่นไม้ของประตูรั้ว อารยาลืมไปเลยว่าตนไม่ได้ถือมันออกมาด้วย โชคดีที่เขาเก็บมาให้เพราะเอกสารประเมินผู้เรียนอยู่ในนี้หลายชุด ถ้าหายไปคงแย่
“ขอบคุณมากนะคะ อ้อนนี่แย่จริง ขี้หลงขี้ลืมที่หนึ่ง”
“กำลังจะบอกอยู่เชียวว่าครูอ้อนขี้ลืม ก็เลยซื้อนี่มาให้”
สิทธิเดชหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเป้ของตัวเอง หญิงสาวถึงกับยิ้มด้วยความซาบซึ้งใจเมื่อรู้ว่ามันคือผลิตภัณฑ์บำรุงสมอง
“หูย ขอบคุณค่ะ”
“ไม่ใช่ว่าทานแต่ยาบำรุงอย่างเดียวนะครับ ครูอ้อนต้องทานของที่มีประโยชน์ด้วย”
ซึ่งเขาก็ซื้อมาด้วยเหมือนกัน มีทั้งแปะก๊วย ผักโขม และเบอรี่ อารยายิ้มจนตาหยี ตั้งแต่รู้จักกันมาครูสิทธิเดชเป็นคนน่ารักเสมอต้นเสมอปลายและห่วงใยคนอื่นตลอด
“ขอบคุณค่ะ อ้อนนี่ใช้ไม่ได้เลยดูซิครูเต้ต้องเสียเงินซื้อมาให้อ้อนตั้งเยอะแยะ”
“ไม่เป็นไรครับผมเต็มใจ”
“แต่คราวหลังไม่ต้อง !”
เสียงอย่างบงการของใครบางคนดังขึ้นมาขัดจังหวะ อารยาเย็นสันหลังวาบเพราะแน่นอนว่าต้องเป็นปราปต์ สิทธิเดชทั้งอึ้งทั้งงงยิ่งเห็นปราปต์เดินเข้ามาโอบไหล่อารยาอย่างแสดงความเป็นเจ้าของยิ่งไม่เข้าใจ
“เมียผมผมดูแลเองได้”
“ปราปต์ !”
แทบไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะพูดแบบนี้ ฝ่ายครูสิทธิเดชเองก็ถึงกับอ้าปากค้าง ขณะที่เขาฉวยโอกาสหอมแก้มอารยาอย่างไม่อายฟ้าดิน หญิงสาวทั้งดิ้นทั้งทุบตีเขาเพราะอับอายเหลือทน คนอื่นยืนอยู่ทนโท่เขายังกล้าทำแบบนี้
“แต่ถ้าห้ามความเสร่อไม่ได้วันหลังก็ซื้อยาบำรุงครรภ์มาเลย จะเตรียมทำเรื่องลาคลอดให้เลยก็ได้”
สิทธิเดชรู้สึกเหมือนถูกภูเขาทั้งลูกถล่มทับ ความหวังในตัวอารยาพังทลายไปหมดแต่เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเป็นแบบนี้จริง ๆ ก่อนหน้านี้คนพูดกันให้ขรมว่าปราปต์ตัดสัมพันธ์อารยาได้ร้ายแรงแค่ไหน แล้วคนทั้งบางก็รู้ว่าปราปต์เป็นแฟนฟ้างาม
แล้วนี่อะไร ? งงไปหมดแล้ว
“หมะ...หมายความว่า ครูอ้อนกับคุณปราปต์...”
“เอากันทุกคืน” ปราปต์พูดหน้าตายไม่อินังขังขอบอะไรทั้งนั้น
อารยาแทบอยากแทรกแผ่นดินหนีทั้งผลักทั้งตีแต่เขาก็ไม่ยอมปล่อยอีกทั้งยังฉกใบหน้าเข้ามาหอมแก้มฟอดใหญ่ เป็นอีกครั้งที่หญิงสาวน้ำตาไหลต่อหน้าคนอื่นเพราะทั้งอับอายทั้งเสียใจ
“ปล่อยอ้อนนะ”
“ได้ ! แต่จะปล่อยบนเตียงนะ ฟ้าไม่เหลืองไม่เลิกโว้ย !”
สิทธิเดชรู้สึกคล้ายกับตัวเองหดลงเรื่อย ๆ จนเล็กนิดเดียว ก่อนหน้านี้คิดว่าคู่แข่งของตัวเองมีแค่ผู้อำนวยการเท่านั้นซึ่งอารยาก็ไม่ได้เทใจให้ทางโน้น
ส่วนปราปต์ก็ตัดรอนเจ้าหล่อนไปแล้วแต่ไม่คิดว่าลับหลังเขาจะกลืนน้ำลายตัวเอง เป็นแบบนี้ตนคงสู้ไม่ไหว
“ผมกลับก่อนนะครับครูอ้อน”
“เค โชคดี” ปราปต์เป็นคนพูดแทน
สิทธิเดชจำต้องตัดใจเขาเดินก้มหน้าคอตกไปที่รถของตัวเอง ส่วนอารยาก็ถูกลากเข้าบ้านอย่างทุลักทุเล
ตั้งแต่รู้จักกันมาอารยาไม่เคยเห็นปราปต์โกรธขนาดนี้มาก่อนเขาลากเธอเข้ามาในบ้านแล้วเหวี่ยงลงกับโซฟาอย่างไม่
ออมแรง
“ไหนว่าไปกับไอ้กายไง แล้วทำไมถึงลืมแฟ้มไว้กับ
หมอนั่น”
คนตัวใหญ่ยืนเท้าสะเอวถามด้วยท่าทางเอาเรื่อง
หญิงสาวถูข้อมือยิก ๆ แต่ก็ยังอธิบายไปว่า
“อ้อนลืมไว้ที่ห้องอบรม ครูเต้เขาก็ไปด้วยแต่เราไม่ได้ไปด้วยกันปราปต์เข้าใจไหม”
“อย่ามาโกหก !”
“อ้อนพูดความจริง อ้อนกับครูเต้ไม่ได้มีอะไรในกอไผ่ทั้งนั้น”
“ไม่เชื่อโว้ย”
“เอ๊ะ”
อารยาลุกพรวดขึ้นอย่างอดรนทนไม่ไหว
“ถามจริงเถอะปราปต์ทำแบบนี้ทำไม”
เธอก็อยู่ของเธอดี ๆ แค่เผลอปล่อยตัวปล่อยใจให้เขาในคืนนั้นมันกลับกลายเป็นบ่วงมัดตัวพันใจเธอได้ถึงขนาดนี้
“ทำอะไร”
“ก็ไอ้ที่โมโหเวลาอ้อนออกไปไหนกับผู้ชายคนอื่น”
ปราปต์ขบกรามแน่น เขาคิดว่าอารยาอาจจะเอาคืนเขาด้วยการแอบคบกับสิทธิเดชก็ได้ เธอทั้งน่ารักและเร้าใจขนาดนี้เขาไว้ใจไม่ได้เลยว่าผู้ชาย
คนอื่นจะไม่รู้สึกแบบที่เขารู้สึกกับเธอ ส่วนเธอเองแค่ถูกเขากระตุ้นนิดเดียวก็ตอบสนองได้อย่างถึงใจ
นับประสาอะไรกับผู้ชายคนอื่น
“เพราะฉันเกลียดความแรดของเธอยังไงล่ะ”
“อ้อนจะแรดแบบนี้มันหนักส่วนไหนของปราปต์ไม่ทราบ ปราปต์เองไม่ใช่หรือที่เป็นคนบอกอ้อนว่าถ้าอ้อนมีผัวเป็นตัวเป็นตนเมื่อไหร่จะออกไปจากบ้านอ้อนทันที ก็นี่ไง อ้อนหาอยู่”
“อารยา !”
ร่างบอบบางถูกกระชากเข้าไปปะทะอกแกร่งอย่างแรงทำให้อารยาเจ็บไปหมดทั้งตัว
“อยากมีผัวเป็นตัวเป็นตนมากนักใชไหม”
“ใช่ อย่างน้อยก็ทำให้คนที่ไม่เห็นค่าในตัวอ้อนเขาเลิกยุ่งกับอ้อน” เธอตอบความจริงอย่างไม่เกรงกลัว แม้ปราปต์จะร้ายแต่เธอรู้ว่าเขาจะไม่ทำร้ายเธอหรอก
อย่างน้อยก็คงไม่ฆ่าเธอ
“อ๋อ เพราะแบบนี้นี่เอง”
“รู้แล้วก็เลิกยุ่งกับอ้อนซะที อ้อนไม่ใช่ของเล่นของใคร ถ้าไม่รักไม่ชอบก็อย่ามารังแกกันแบบนี้”
พยายามสะบัดตัวออกจากคนตัวใหญ่ แต่เรี่ยวแรงของเธอสู้เขาไม่ได้เลย
“อยากมากขนาดนี้เอาช้างมาฉุดคงหยุดไม่ไหว งั้นก่อนปล่อยเธอไปฉันขอคิดดอกเบี้ยค่าที่ฉันเป็นผัวชั่วคราวให้เธอหน่อยแล้วกัน”
เพี๊ยะ !
เธอตบหน้าเขาอย่างอดรนทนไม่ได้ หวังเรียกสติของปราปต์กลับคืนมาแต่กลายเป็นว่ายิ่งทำให้เขาโกรธจัด
ร่างเล็กถูกกระชากเข้าไปกอดรัดอย่างแรง ปราปต์กดจูบหนักเน้นเอาแต่ใจจนเธอระบมไปหมด ตั้งใจจะลงโทษคนกำเริบเสิบสาน เพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนตบหน้าเขา
มาก่อน
“ปล่อยอ้อนนะ ฮือ ๆ ปราปต์ ปล่อ...”
พูดไม่ทันขาดคำปราปต์ก็ก้มหน้าลงมาครอบครองเรียวปากจิ้มลิ้มอย่างกักขฬะ เสื้อผ้าของเธอถูกฉีกออกจนแทบไม่เหลือชิ้นดีก่อนที่จะถูกกดร่างลงไปกับพื้นบ้าน
แขนเล็กถูกตรึงไว้ด้วยเรี่ยวแรงมหาศาลยากเกินที่อารยาจะต้านทานสร้างความเจ็บปวดร้าวรานคล้ายกับแขนจะหลุดออกจากกันเสียให้
“อย่าทำแบบนี้กับอ้อนนะ”
เธอร้องไห้เพราะตื่นกลัวสุดขีด เขาทำแบบนี้ไม่ต่างอะไรเลยกับโจรขืนใจ วันนี้ปราปต์น่ากลัวมากที่สุดนับตั้งแต่ที่รู้จักกันมา ริมฝีปากร้อนผ่าวตะโบมจูบรุนแรงสร้างความเจ็บปวดทุกตารางนิ้วที่เขาครอบครอง
“อ้อนเจ็บ” อารยาพูดเสียงสะอื้น
ปราปต์ออกแรงบีบเคล้นเต้าเต่งตึงอย่างรุนแรงทำให้รู้สึกว่าอีกไม่นานร่างกายคงแหลกสลาย
นาทีที่กายแกร่งเบียดแทรกเข้ามาในนวลเนื้อเธอถึงกับดิ้นพล่าน ที่ผ่านมาขนาดร่างกายพร้อมพรักแค่ไหนขนาดใหญ่โตของเขาก็เกือบทำเธอบาดเจ็บได้
แต่ครั้งนี้...ปราปต์เอาเปรียบตอนที่เธอยังไม่พร้อม ทว่าอารยาก็โกรธร่างกายตัวเองเหลือเกินที่มันต้อนรับเชื้อเชิญเขาอย่างหน้าไม่อาย
ชายหนุ่มคำรามเสียงต่ำในลำคอขณะที่ขยับกายถาโถมอย่างหนักหน่วง สะโพกอ่อนนุ่มที่กระแทกกับหน้าขาแข็งแกร่งสร้างความวาบหวามให้กับปราปต์จนเขานำพาตัวเองสู่จุดไคลแม็กซ์ได้ในไม่กี่อึดใจต่อมา ส่วนอารยาก็กระตุกเกร็งเพราะถูกกระตุ้นเร้าจนแตะขอบฟ้าได้เหมือนกัน
หากตอนนี้เธอเจ็บที่ใจ ใครไม่ถูกหักหาญน้ำใจคงไม่รู้ว่าเธอเจ็บปวดแค่ไหน
“ต่อไปนี้จะไปนอนแบให้ใครกระเด้าก็เชิญ”
ปราปต์ถอดถอนแก่นกายออกอย่างรวดเร็ว ร่างเล็กนอนหอบหายใจและไม่อาจกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล
“ฉันเอาจนเบื่อแล้ว บาย”
“...”
อารยาพูดอะไรไม่ออกได้แต่ดันกายลุกขึ้นแล้วเก็บเสื้อผ้าที่ตกเกลื่อนกลาด ปราปต์อึ้งไปเหมือนกันที่เห็นเธอเป็นแบบนี้ ปกติอารยาจะต่อปากต่อคำไม่ใช่หรือ
“แค่นี้ทำจะเป็นจะตาย”
ปากหนอปาก ห่วงเขามากแต่กลับพูดไม่เป็น คอยแต่จะจิกจะกัดอยู่ตลอดเวลา
“...”
แต่ก็เหมือนเคย หญิงสาวไม่ตอบ ร่างกึ่งเปลือยหอบเสื้อผ้าเอาไว้ตรงกลางอกแล้วพยายามลุกขึ้นยืน ปราปต์คิดว่าหล่อนกำลังยั่วโมโหเลยตรงเข้าไปกระชากแขนเล็กเต็มแรง
“ออกไปนะ”
ใบหน้ารื้นเศร้าเปื้อนน้ำตาเงยขึ้นบอกกับเขา ดวงตาแดงกล่ำทำให้หัวใจของปราปต์บีบรัดรุนแรง สะท้อนในอกอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่รู้จักกันมายังไม่เคยเห็นอารยาเป็นแบบนี้เลย
เขาลุแก่โทสะทำเรื่องร้ายแรงชนิดที่ไม่น่าให้อภัย
“สมใจปราปต์แล้ว ตอนนี้ก็เลิกยุ่งกับอ้อนได้ซะที”
เขาหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อหญิงสาวทวงขออิสระ แต่คนอย่างอารยาน่ะหรือจะทนได้ถ้าไม่มีเขา เจ้าหล่อนตามเขามาตั้งแต่เด็ก ๆ จนโตเป็นสาวก็ยังรักฝังใจ อยากรู้นักว่าหล่อนจะปากแข็ง
ไปได้กี่น้ำ
“ยินดีล่วงหน้ากับผัวใหม่เธอด้วยนะ มันโชคดีมากที่ได้เธอต่อจากฉันน่ะ ลีลาบนเตียงของเธอมันโคตรเด็ดเลย”
ต้องเข้มแข็งอีกแค่ไหนกันถึงจะได้ไม่รู้สึกอะไรกับคำพูดร้ายกาจของเขา อารยากลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้แล้วรีบเดินขึ้นไปบนห้องนอนพร้อมลงกลอนแน่นหนา ปรารถนาให้น้ำตาหยุดไหลแต่ก็ทำไม่ได้ สุดท้ายก็นอนร้องไห้จมน้ำตาแล้วมันก็พรั่งพรูขึ้นอีกเมื่อได้ยินเสียงรถของปราปต์ขับออกไป
...เขาคงไปอย่างถาวร
